‘บีบีซี’ ตีข่าว เชื้อสายราชสกุล “รังสิต” ของไทย ชนะคดีฟ้อง เรียกมรดกหมื่นล้านของมหารานีอินเดีย ผู้ที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสตรีที่งดงามที่สุดในโลก
วานนี้ (24 ก.ย.) สำนักข่าว ‘บีบีซี’ รายงานคำตัดสิน คดีฟ้องร้องมรดกหมื่นล้าน จากราชสกุลรังสิต ที่ล่าสุด เมื่อวันพุธ ที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมาศาลฎีกาของอินเดีย พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลสูงเดลี ให้นายเทพราช ซิงห์ และนางสาวลลิตยา กุมารี สองพี่น้อง บุตรของ ม.ร.ว. ปรียนันทนา รังสิต และมหาราชา จักกัต ซิงห์แห่งนครจัยปูร์ในอินเดีย เป็นผู้รับมรดก ตามพินัยกรรมที่ คยาตรี เดวี มหารานีแห่งนครจัยปูร์ ซึ่งเป็นย่าของทั้งสองระบุไว้ว่า มูลค่าของมรดกอาจมีมูลค่าสูงสุดนับหมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองต้องต่อสู้ในศาลมาเป็นเวลาหลายปี หลังจากพระญาติของ มหารานี คยาตรี เดวี ยื่นคัดค้านว่า มหารานีทำพินัยกรรมในช่วงเวลาที่ชราภาพและมีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ ก่อนจะเสียชีวิตลงในเดือนกรกฎาคม ปี 2552 ด้วยวัย 90 ปี
พร้อมกันนี้ มรดกดังกล่าว คือ โรงแรมหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังนครจัยปูร์ ซึ่งมีมูลค่าระหว่าง 200-400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือสูงสุดราว 12,000 ล้านบาท เป็นรายการทรัพย์สินมรดกที่ถูกระบุไว้ในพินัยกรรม
อย่างไรก็ตาม นายเทพราช ซิงห์ เปิดเผยผ่านสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ในระยะเวลาช่วงการต่อสู้ในคดีดังกล่าว เขาและน้องสาวไม่ได้ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าส่วนแบ่งของบิดาในกิจการของครอบครัว โดยท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ใกล้จะได้ปฏิบัติหน้าที่ที่สมควรทำมานานต่อแผ่นดินบรรพบุรุษของเขาได้อย่างสำเร็จลุล่วง
อย่างไรก็ตาม มหารานี คยาตรี เทวี ผู้เป็นย่าของสองพี่น้องราชสกุลรังสิตที่ตกเป็นข่าว ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของอดีตราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ของอินเดีย ในคดีขอแบ่งทรัพย์สินจากกองมรดก ก่อนหน้านี้ น.ส.ลลิตยาและนายเทพราชอ้างว่า มีการปลอมพินัยกรรมของมหาราช จักกัต ซิงห์ แห่งชัยปุระ ผู้เป็นบิดา ที่ระบุให้ตัดสิทธิ์ทั้งคู่ออกจากกองมรดก
ครั้งหนึ่ง มหารานี คยาตรี เทวี เคยได้รับการยกย่อง ว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉมที่สุดคนหนึ่งในอินเดีย เคยติดอันดับ 1 ใน 10 สตรีที่สวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารชื่อดัง มหารานีถือกำเนิดในราชวงศ์อินเดียและอภิเษกสมรสกับเจ้าผู้ปกครองแคว้นชัยปุระ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอินเดีย หรือที่มีชื่ออีกหนึ่งชื่อว่า ‘นครสีชมพู’
ส่วน ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ผู้เป็นมารดาของผู้ยื่นฟ้องร้องทั้ง 2 เป็นธิดาคนเล็กของ ม.จ.ปิยะรังสิต รังสิต และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต สืบสายพระโลหิตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)
ซึ่งนายเทพราชและ น.ส.ลลิตยาได้ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตามมารดา หลังจาก ม.ร.ว.ปรียนันทนาได้หย่าร้างกับมหาราชจักกัต ซิงห์ ในปี 2530 พร้อมทั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2551 จากการสรรหา โดยมาจากภาคส่วนอื่นๆ (ประธานมูลนิธิวิภาวดีรังสิต) และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม 40 ส.ว. มีตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศวุฒิสภา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น