วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

พิรุธอื้อ ! คดีแทงกันตายปริศนา พบวงจรปิดคนร้ายถือมีดคลุมหน้าขาวย่องมาทางหนีไฟ

พิรุธอื้อ ! คดีแทงกันตายปริศนา พบวงจรปิดคนร้ายถือมีดคลุมหน้าขาวย่องมาทางหนีไฟ

แทงกันตายคาห้องพักย่านลาดพร้าว

          จากกรณีที่คนร้ายบุกเข้าไปใช้อาวุธมีดทำร้ายนายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี และน.ส.ณัฏฐณิชา หรือเอ๊ะ สวัสดิผล อายุ 23 ปี จนเป็นเหตุให้คนร้ายและนายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ เสียชีวิตทั้งคู่ ส่วน น.ส.ณัฏฐณิชา ได้รับบาดเจ็บถูกของมีคมบาดที่แขนเล็กน้อย เหตุเกิดภายในห้องเลขที่ 502 ชั้น 5 ของโรงแรมเอเชีย รีสอร์ท   แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.
          จากกรณีคดีปริศนา เมื่อคนร้ายซึ่งเป็นผู้ชายไม่ทราบชื่อ ได้บุกเข้าไปใช้อาวุธมีดทำร้าย นายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี และนางสาวณัฏฐณิชา หรือเอ๊ะ สวัสดิผล อายุ 23 ปี โดยระหว่างนั้น นางสาวณัฏฐณิชา ได้รับบาดเจ็บและรีบเข้าไปหลบในห้องน้ำ แต่ออกมาก็พบว่า นายกฤษฎาและชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว ที่ห้องพัก เลขที่ 502 ชั้น 5 โรงแรมเอเชีย รีสอร์ท แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. [ฆ่ากันตายปริศนา ! แทงยับดับ 2 ศพคาห้องพักย่านลาดพร้าว คลิก]

          ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (12 กันยายน 2558) เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยญาติของ นายกฤษฎา ได้เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ และขอดูกล้องวงจรผิด โดยกล้องสามารถบันทึกภาพวันที่ 11 กันยายน ขณะที่ นายกฤษฎา ขับรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส ทะเบียน ฌง 294 กทม. มาจอดภายในลานจอดรถ ก่อนที่จะเดินมาเคาน์เตอร์โรงแรมเพียงลำพัง จนกระทั่งเมื่อเวลา 21.00 น. นายกฤษฎาก็เดินออกไปทางหน้าโรงแรม และได้เดินเข้ามาอีกทีภายในอาคารบี พร้อมกับ นางสาวณัฏฐณิชา โดยในมือถือถุงพลาสติกใส่อาหารและขึ้นลิฟต์ไปยันชั้น 5 ก่อนจะเดินเข้าห้องพัก

แทงกันตายคาห้องพักย่านลาดพร้าว

          หลังจากนั้น ประมาณ 1 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดจับภาพชายสวมเสื้อสีขาว กางเกงสีเข้ม ใบหน้าถูกอำพรางด้วยผ้าขาว มือขวาเดินถือมีดสั้น เดินออกมาจากประตูหนีไฟของชั้น 5 ท่าทางมีพิรุธ ทราบชื่อภายหลังว่าคือ "นายธัชกร เหลืองอุทัย" อายุ 28 ปี โดยนายธัชกรได้เดินมาพิงประตูหน้าห้องนายกฤษฎาประมาณ 2-3 นาที ก่อนที่นายธัชกรจะเดินเข้าไปในห้องอย่างช้า ๆ จนเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ก็พบนางสาวณัฏฐณิชาเดินออกมาจากห้องในภาพไม่สวมรองเท้า และเท้าก็ยังมีรอยคราบเลือดติดเพียบ โดยนางสาวณัฏฐณิชาไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด

          ขณะที่ญาติของนายกฤษฎากล่าวว่า นายกฤษฎาเคยเป็นอดีตผู้บริหารของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชดา ก่อนจะผันตัวมาซื้อ-ขายพระเครื่อง ซึ่งที่ผ่านมานายกฤษฎาไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร มีเพียงนางสาวณัฏฐณิชาที่ยืมเงินจำนวน 2.1 หมื่นบาทไปเท่านั้น หลังจากนั้นนายกฤษฎาก็ให้คนไปทวงถามเรื่องเงิน แต่ไปหลายครั้งก็ไม่เคยได้คืน นอกจากนี้ยังพบว่าทรัพย์สินของนายกฤษฎาประกอบด้วยสร้อยข้อมือทองคำหนัก 9 บาท หายไป ซึ่งตนสงสัยว่า คนร้ายรู้เส้นทางประตูหนีไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ช่องดังกล่าวจะต้องเดินอ้อมไปด้านหลังตัวอาคาร 

แทงกันตายคาห้องพักย่านลาดพร้าว

          ญาติของนายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุนายกฤษฎาได้ขับรถไปส่งภรรยาทำงานที่ห้างย่านนวมินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ และที่เกิดเหตุดังกล่าว น่าจะเป็นที่ประจำของนายกฤษฎาที่มาใช้บริการ แต่จะมากับใครบ้างตนไม่ทราบ

          ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ได้ตั้งประเด็นไว้ 2 เรื่อง คือชู้สาวและประเด็นความแค้นส่วนตัว ซึ่งได้ประสานไปยังภรรยาของนายกฤษฎาเข้าสอบปากคำแล้ว และทราบว่านายกฤษฎาได้ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนนายธัชกร นั้น ญาติ ๆ กำลังประสานให้ญาติ ๆ เข้ามาให้ข้อมูล และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่านายธัชกร มีการปิดบังอำพรางใบหน้าเข้ามาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสอบสวนหาสาเหตุต่อไป

          ส่วนการสอบสวน นางสาวณัฏฐณิชา ตอนแรกได้ให้ข้อมูลและให้ปากคำ และได้นัดมาให้ปากคำอีกในเวลา 14.00 น. แต่นางสาวณัฏฐณิชาไม่มาตามนัด ซึ่งพนักงานสอบสวนติดต่อกลับไป โดยนางสาวณัฏฐณิชา ระบุว่าในวันที่ 13 กันยายน จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งแต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก RKU News

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น