เรียนอย่างไรให้จบเร็ว สำหรับคนเรียนมหาวิทยาลัย
เคล็ดลับการเรียน
เรียนอย่างไรให้จบเร็ว จบทันตามเวลาที่กำหนด
ความจริงแล้วการเรียนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกไม่ได้อยากอย่างที่หลายคนกลัว เพราะในเวลาเรียนก็ไม่ได้แตกต่างกับการเรียนในระดับปริญญาตรีเท่าใดนัก เพียงแต่นักศึกษาอาจต้องเพิ่มความรับผิดชอบในการศึกษาหาความรู้จากแหล่งความรู้ต่างๆตามที่อาจารย์มอบหมายงานให้ทำและขยายความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองให้กว้างไกลและลึกซึ้งยิ่งขึ้น มากกว่าที่จะแสวงหาความรู้เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น
ถ้าจะว่าไปแล้ว เหตุผลสำคัญที่สุดที่จะทำให้นักศึกษาเรียนจบช้า หรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของงานวิทยานิพนธ์ตัวเดียวเท่านั้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จได้ทันและจบตาม
ถ้าจะว่าไปแล้ว เหตุผลสำคัญที่สุดที่จะทำให้นักศึกษาเรียนจบช้า หรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของงานวิทยานิพนธ์ตัวเดียวเท่านั้น ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จได้ทันและจบตาม
เวลาที่กำหนด
เคล็ดลับที่ไม่ใช่ความลับ ที่น่าจะเรียกว่า เป็นคาถาของการเรียนในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ก็คือ ต้อง ขยัน อดทน ไม่ถอดใจ
1.ขยัน ศึกษาค้นคว้าและต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่าให้ขาดตอนหรือเว้นวรรคนานๆเพราะจะทำให้ต่อไม่ติด จะก่อให้เกิดความเกียจคร้าน อ่อนล้า ท้อถอยและอาดหมดกำลังใจที่จะเรียนต่อไป
2. อดทด กับภาระงาน อดกลั้น และควบคุมอารมณ์ เปิดใจให้กว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น(อาจารย์ที่ปรึกษา) เมื่อใดที่รู้สึกท้อ เพราะต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆมากมายที่ถาโถมเข้ามาอย่างเหลือจะรับได้ ก็ควรหยุดพักเพื่อถอยมาตั้งหลักใหม่อีกครั้งเมื่อสภาพจิตใจดีขึ้น
3. ไม่ถอดใจ ยอมแพ้บอกเลิกลาไปแบบคนไม่มีทางสู้ให้เสียศักดิ์ศรี และอดสูใจ กับคำว่า "เรียนไม่จบ" อย่างน้อยที่สุดคำว่า "จบแน่แม้จะช้าไปหน่อย" ก็ยังจะดีเสียกว่าพยายามปรับอารมณ์เรียกความรู้สึกฮึดสู้ให้กลับมาโดยเร็ว(สู้โว้ย! เรียนแล้วต้องจบ)
อารมณ์ถอดใจมักจะเกิดในช่วงทำวิทยานิพนธ์นี่เอง ถ้าผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ค่อยเป็นค่อยไป (กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว) แล้วทำวิทยานิพนธ์อย่างไรที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ การวางแผนการทำงานที่รัดกุมรอบคอบจึงเป็นหัวใจสำคัญ อย่าลืมว่า "การวางแผนที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง"
เคล็ดลับที่ไม่ใช่ความลับ ที่น่าจะเรียกว่า เป็นคาถาของการเรียนในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ก็คือ ต้อง ขยัน อดทน ไม่ถอดใจ
1.ขยัน ศึกษาค้นคว้าและต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่าให้ขาดตอนหรือเว้นวรรคนานๆเพราะจะทำให้ต่อไม่ติด จะก่อให้เกิดความเกียจคร้าน อ่อนล้า ท้อถอยและอาดหมดกำลังใจที่จะเรียนต่อไป
2. อดทด กับภาระงาน อดกลั้น และควบคุมอารมณ์ เปิดใจให้กว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น(อาจารย์ที่ปรึกษา) เมื่อใดที่รู้สึกท้อ เพราะต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆมากมายที่ถาโถมเข้ามาอย่างเหลือจะรับได้ ก็ควรหยุดพักเพื่อถอยมาตั้งหลักใหม่อีกครั้งเมื่อสภาพจิตใจดีขึ้น
3. ไม่ถอดใจ ยอมแพ้บอกเลิกลาไปแบบคนไม่มีทางสู้ให้เสียศักดิ์ศรี และอดสูใจ กับคำว่า "เรียนไม่จบ" อย่างน้อยที่สุดคำว่า "จบแน่แม้จะช้าไปหน่อย" ก็ยังจะดีเสียกว่าพยายามปรับอารมณ์เรียกความรู้สึกฮึดสู้ให้กลับมาโดยเร็ว(สู้โว้ย! เรียนแล้วต้องจบ)
อารมณ์ถอดใจมักจะเกิดในช่วงทำวิทยานิพนธ์นี่เอง ถ้าผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ค่อยเป็นค่อยไป (กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว) แล้วทำวิทยานิพนธ์อย่างไรที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ การวางแผนการทำงานที่รัดกุมรอบคอบจึงเป็นหัวใจสำคัญ อย่าลืมว่า "การวางแผนที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง"
1. แผนการทำวิทยานิพนธ์ให้ประสบความสำเร็จ
การวางแผนการทำวิทยานิพนธ์ที่ดี ควรปฏิบัติดังนี้
1. จัดทำแผนปฏิบัติงานเป็น Schedule ของตนเองเทียบเคียงกับแผนการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาสมัครเรียน (ให้มีเวลาว่างเหลือเผื่อไว้ในช่วงท้ายๆอย่างน้อย 1 ภาคเรียน เผื่อเกิดปัญหาฉุกเฉินที่อาจจำเป็นต้องปรับปรุงงาน)
2. คัดเลือกและเตรียม "หัวข้อวิทยานิพนธ์" ไว้ล่วงหน้า ตามที่ตนสนใจ พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ของการนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และหรือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. คัดเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา (ถ้าสามารถเลือกได้)โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ที่ปรึกษาหลัก ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอาจารย์ที่ปรึกษาในภายหลังได้ เพราะ"การสื่อสารที่ดีย่อมเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
4. ควรให้เกียรติเคารพเชื่อฟังและยอมรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะของอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยความสงบ สุขุม เยือกเย็น อาจมีบางครั้งที่จะรู้สึกว่าความคิดเห็นแตกต่างและคัดแย้งกับความรู้สึกของเรา ก็ต้องคอยควบคุมความรู้สึก และระงับอารมณ์ไว้ให้ได้ก่อนที่จะขออนุญาตชี้แจงด้วยเหตุและผลที่เหมาะสมอย่างสุภาพ เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน และปฏิบัติตามที่อาจารย์ได้ให้คำชี้แนะ (อย่าเบี่ยงเบนความสนใจไปให้ความสำคัญกับบุคคลอื่นมากกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเอง)
5. ให้ความสำคัญกับการนัดหมาย เพื่อขอคำแนะนำปรึกษา แก้ไขงานและส่งงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงสปิริตในความเป็นผู้มีความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา
การวางแผนการทำวิทยานิพนธ์ที่ดี ควรปฏิบัติดังนี้
1. จัดทำแผนปฏิบัติงานเป็น Schedule ของตนเองเทียบเคียงกับแผนการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาสมัครเรียน (ให้มีเวลาว่างเหลือเผื่อไว้ในช่วงท้ายๆอย่างน้อย 1 ภาคเรียน เผื่อเกิดปัญหาฉุกเฉินที่อาจจำเป็นต้องปรับปรุงงาน)
2. คัดเลือกและเตรียม "หัวข้อวิทยานิพนธ์" ไว้ล่วงหน้า ตามที่ตนสนใจ พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ของการนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และหรือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. คัดเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา (ถ้าสามารถเลือกได้)โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ที่ปรึกษาหลัก ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอาจารย์ที่ปรึกษาในภายหลังได้ เพราะ"การสื่อสารที่ดีย่อมเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
4. ควรให้เกียรติเคารพเชื่อฟังและยอมรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะของอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยความสงบ สุขุม เยือกเย็น อาจมีบางครั้งที่จะรู้สึกว่าความคิดเห็นแตกต่างและคัดแย้งกับความรู้สึกของเรา ก็ต้องคอยควบคุมความรู้สึก และระงับอารมณ์ไว้ให้ได้ก่อนที่จะขออนุญาตชี้แจงด้วยเหตุและผลที่เหมาะสมอย่างสุภาพ เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน และปฏิบัติตามที่อาจารย์ได้ให้คำชี้แนะ (อย่าเบี่ยงเบนความสนใจไปให้ความสำคัญกับบุคคลอื่นมากกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเอง)
5. ให้ความสำคัญกับการนัดหมาย เพื่อขอคำแนะนำปรึกษา แก้ไขงานและส่งงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงสปิริตในความเป็นผู้มีความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา
2. วิธีดำเนินการจัดทำวิทยานิพนธ์
วิธีดำเนินการจัดทำวิทยานิพนธ์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมหัวข้อวิทยานิพนธ์ (ต้องได้หัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ผ่านความเห็นชอบจาก
อาจารย์แล้ว)
2. ปรึกษากับคณะอาจารย์ที่ปรึกษาของเราเพื่อให้ได้ Concept ของงานที่ตรงกัน
(หัวข้อ/วัตถุประสงค์/ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง/วิธีดำเนินการ เวลาและพื้นที่การศึกษา ตลอดจนแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง)
3. สำรวจพื้นที่ศึกษา(สภาพปัจจุบัน/ปัญหา/แนวทางและวิธีแก้ปัญหา)
4. ทบทวนวรรณกรรม(ค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่สัมพันธ์
กับงานของเรา)
อย่าลืม! จดบันทึกแหล่งอ้างอิงโดยละเอียด (รวมถึงเลขหน้าที่อ้างอิง) ทั้งที่เอามาจากงานเขียนต่างๆ หรือจาก www.ใดๆทาง internet ไว้ด้วยทุกครั้ง
5. กำหนดแผนการและขั้นตอนในการปฏิบัติงาน(ระเบียบวิธีวิจัย) ปฏิบัติงาน
และเขียนรายงานให้ครบตามขั้นตอนการดำเนินการดังที่ได้กำหนดไว้แล้ว
6. นำเสนอความก้าวหน้าของงาน ขอคำแนะนำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษาเป็น
ระยะๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและพัฒนางานให้มีถูกต้องและเหมาะสม จนกว่าจะแล้วเสร็จและได้วิทยานิพนธ์ที่มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
7. เตรียมเผยแพร่ผลงาน เขียนรายงานสรุปวิทยานิพนธ์(ฉบับย่อ) หาเวที
นำเสนอผลงาน เพื่อเผยแพร่และตีพิมพ์บทความลงในวารสารวิชาการที่ สกอ.รับรอง
8. สุดท้ายคือสอบจบ ต้องสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ให้ผ่าน ถึงจะมีสิทธิ์ส่งเล่ม
วิทยานิพนธ์ที่สมบูรณ์ (มาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องจบ)
ก่อนสอบ ควรหาโอกาสเข้าสังเกตการณ์นักศึกษาที่สอบก่อนเรา(หลายครั้งได้ยิ่งดี) เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวสอบของเราให้ได้มากที่สุด
9. สำเร็จการศึกษาทันตามเวลาที่กำหนด จบช้าหรือจบเร็ว ย่อมขึ้นอยู่กับความ
ขยัน อดทน ไม่ถอดใจ ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้รักการศึกษาทุกท่าน จงประสบความสำเร็จในการศึกษา
สมดังที่ตั้งใจค่ะ .....ต้องสู้! ต้องสู้! ถึงจะชนะ.....
วิธีดำเนินการจัดทำวิทยานิพนธ์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมหัวข้อวิทยานิพนธ์ (ต้องได้หัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ผ่านความเห็นชอบจาก
อาจารย์แล้ว)
2. ปรึกษากับคณะอาจารย์ที่ปรึกษาของเราเพื่อให้ได้ Concept ของงานที่ตรงกัน
(หัวข้อ/วัตถุประสงค์/ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง/วิธีดำเนินการ เวลาและพื้นที่การศึกษา ตลอดจนแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง)
3. สำรวจพื้นที่ศึกษา(สภาพปัจจุบัน/ปัญหา/แนวทางและวิธีแก้ปัญหา)
4. ทบทวนวรรณกรรม(ค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่สัมพันธ์
กับงานของเรา)
อย่าลืม! จดบันทึกแหล่งอ้างอิงโดยละเอียด (รวมถึงเลขหน้าที่อ้างอิง) ทั้งที่เอามาจากงานเขียนต่างๆ หรือจาก www.ใดๆทาง internet ไว้ด้วยทุกครั้ง
5. กำหนดแผนการและขั้นตอนในการปฏิบัติงาน(ระเบียบวิธีวิจัย) ปฏิบัติงาน
และเขียนรายงานให้ครบตามขั้นตอนการดำเนินการดังที่ได้กำหนดไว้แล้ว
6. นำเสนอความก้าวหน้าของงาน ขอคำแนะนำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษาเป็น
ระยะๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและพัฒนางานให้มีถูกต้องและเหมาะสม จนกว่าจะแล้วเสร็จและได้วิทยานิพนธ์ที่มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
7. เตรียมเผยแพร่ผลงาน เขียนรายงานสรุปวิทยานิพนธ์(ฉบับย่อ) หาเวที
นำเสนอผลงาน เพื่อเผยแพร่และตีพิมพ์บทความลงในวารสารวิชาการที่ สกอ.รับรอง
8. สุดท้ายคือสอบจบ ต้องสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ให้ผ่าน ถึงจะมีสิทธิ์ส่งเล่ม
วิทยานิพนธ์ที่สมบูรณ์ (มาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องจบ)
ก่อนสอบ ควรหาโอกาสเข้าสังเกตการณ์นักศึกษาที่สอบก่อนเรา(หลายครั้งได้ยิ่งดี) เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวสอบของเราให้ได้มากที่สุด
9. สำเร็จการศึกษาทันตามเวลาที่กำหนด จบช้าหรือจบเร็ว ย่อมขึ้นอยู่กับความ
ขยัน อดทน ไม่ถอดใจ ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ
ขอเป็นกำลังใจให้ผู้รักการศึกษาทุกท่าน จงประสบความสำเร็จในการศึกษา
สมดังที่ตั้งใจค่ะ .....ต้องสู้! ต้องสู้! ถึงจะชนะ.....
ที่มา drsangiam
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น